วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ฝรั่ง...ผลไม้ที่ถูกลืม

ฝรั่งเป็นผลไม้ที่ปลูกง่าย ให้ผลดีตลอดปี มีราคาถูก ทำให้เป็นผลไม้ไทยชนิดหนึ่งที่นิยมรับประทานกันมาก เหตุที่เรียกว่า ฝรั่ง นั้นไม่มีหลักฐานชัดเจนแต่มีข้อสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นเพราะชาวฝรั่งเศสเป็นผู้นำเข้ามาในประเทศไทยหรืออาจจะเรียกเพราะเมื่อผลสุกจะมีสีขาวนวลเหมือนคนฝรั่ง
ฝรั่งเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงมาก จึงมีผลในการป้องกันโรคขาดวิตามินซีซึ่งจะทำให้มีเลือดไหลซึมออกมาจากบริเวณเหงือกที่เรียกว่า ลักปิดลักเปิด ฝรั่งมีวิตามิน เอ และซี "สูงกว่ามะนาวถึง 4 เท่า" จึงมีคุณค่าในการป้องกันโรคหวัดได้ดีอิกด้วย และนอกจากนี้ยังมี "การรับประทานฝรั่งเพื่อลดความอ้วน" เพราะการรับประทานฝรั่ง "ไม่เพิ่มน้ำหนัก" เนื่องจากให้พลังงานต่ำ จึงทานได้บ่อย ๆ ตามต้องการ แต่ถ้ากินมากอาจจะทำให้ท้องผูก ส่วนฝรั่งสุกอาจทำให้ท้องเสียได้
จากคัมภีร์สรรพคุณยากล่าวไว้ว่า ฝรั่งทั้งห้า (ดอก ผล ราก ใบ ต้น) มีรสฝาดแก้ท้องร่วง, บิด ใบ และผลแก้ท้องเสีย, บิด, ดับกลิ่นปาก กรมอนามัยได้ทำการศึกษาพบว่า นอกจากวิตามินเอ และซีแล้ว ฝรั่งยังมีวิตามินบี 1 บี 2 แคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส เพคติน แทนนิน และมีเส้นใยสูง
ในปัจจุบันนี้ฝรั่งถือเป็นพืชสมุนไพร ที่นำมาใช้ประโยชน์ได้หลายทาง เช่น นำใบแก่ ๆ มาปิ้งไฟชงน้ำดื่มแก้อาการท้องเดินได้ หรือนำผลฝรั่งอ่อน ๆ เอาเฉพาะเปลือกกับเนื้อไม่เอาเมล็ด ใส่เกลือเล็กน้อยรับประทานหรือต้มน้ำใช้ดื่ม จะมีสารเทนนิน ซึ่งมีฤทธิ์ฝาดสมาน หยุดอาการท้องร่วงได้ ส่วนเพคตินและเส้นใยพืช จะช่วยป้องกันโรคท้องผูก มะเร็งลำไส้ ริดสีดวงทวาร และช่วยเคลือบลำไส้เล็กทำให้ดูดซึมน้ำตาลและไขมันน้อยลง จึงช่วยควบคุมเบาหวาน ลดไขมันในเลือด ช่วยไม่ให้ไขมันจับผนังหลอดเลือด ป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว
นอกจากนี้ใบฝรั่งยังมีสารฝาดสมานและน้ำมันหอมระเหยจึงสามารถนำใบฝรั่งมาทำน้ำยาดับกลิ่นปาก ถ้าใช้ใบสด 4-5 ใบ เคี้ยวให้ละเอิยดหลังรับประทานอาหาร อมไว้สักพักแล้วค่อยคายทิ้งจะช่วยลดกลิ่นอาหาร เหล้า บุหรี่ และช่วยในการลดการเกิดเหงือกอักเสบได้ด้วย
หลังจากรับประทานอาหาร มักจะมีเศษอาหารติดค้างอยู่ตามซี่ฟันมาก โดยเฉพาะอาหารพวกแป้งและคาร์โบไฮเดรตซึ่งได้แก่ ข้าว ขนมปัง ของหวาน อาหารพวกนี้จะติดฟันได้ง่าย ถ้าแปรงฟันไม่สะอาดจะทำให้เกิดคราบจุลินทรีย์ ที่เรียกว่า พลัค เกาะที่คอฟันบริเวณที่ชิดกับเหงือก
เชื้อจุลินทรีย์นั้นจะปล่อยสารพิษออกมาทำให้เหงือกอักเสบ มีหนอง เป็นผลทำให้เกิดมีกลิ่นปากเหม็น ทันตแพทย์จึงแนะนำให้แปรงฟันหลังอาหารหรืออย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อกำจัดคราบจุลินทรีย์
การรับประทานฝรั่งนอกจากจะมีประโยชน์ต่อร่างกายแล้วยังจะ "ช่วยในการกำจัดคราบอาหารบนตัวฟันได้" จากการศึกษาในกลุ่มนักศึกษาอาสาสมัครที่ไม่แปรงฟันเป็นเวลา 1-2 วัน เกิดมีคราบเกาะที่ฟัน แล้วให้มาเคี้ยวฝรั่ง เมื่อตรวจฟันหลังจากนั้น พบว่าคราบอาหารถูกกำจัดออกไปได้ดี จึงถือว่าการเคี้ยวฝรั่งนั้นเป็นวิธีที่ช่วยทำความสะอาดฟันได้ และยังช่วยลดกลิ่นปากด้วย
นอกจากฝรั่งแล้ว นับว่าโชคดีที่ประเทศเราอยู่ในเขตร้อนซึ่งมีผักผลไม้อิกหลายชนิดที่ให้รับประทานได้ตลอดปี มีราคาถูก รสอร่อย และมีวิตามินสูง ไม่ว่าจะเป็นสับปะรด แตงกวา แครอท ถั่วฝักยาว และอื่น ๆ ซึ่งถ้ารับประทานผลไม้หรือผักสดหลังอาหารจะทำให้มีสุขภาพแข็งแรง ช่วยในการทำความสะอาดช่องปาก ดีต่อสุขภาพเหงือกและฟันด้วย

ฝรั่งสีชมพู หรือ ฝรั่งขี้นก ... ผลไม้ที่ถูกลืม แต่กลับสูงด้วยคุณค่า

หากเอ่ยชื่อ ฝรั่งสีชมพู หรือ ฝรั่งขี้นก คนสมัยก่อนคงจะรู้จักกันดีว่า เป็นผลไม้ทรงกลม ขนาดปานกลาง ที่มีเนื้อทั้งสีขาว เหลือง ชมพู กลิ่นหอม แต่ส่วนมากแล้วผู้คนไม่ค่อยนิยมนำมารับประทานเพราะเนื้อค่อนข้างเละและไม่กรอบเหมือนฝรั่งลูกโตๆ ในปัจจุบัน ซึ่งหาไม่รู้ว่าฝรั่งผลเล็กเหล่านี้มีสารอาหารมากมายที่ให้ประโยช์นแก่สุขภาพ

สาระสำคัญที่มีอยู่ในฝรั่งสีชมพูนั้น
ไม่เพียงแต่มีวิตามิน A ที่ช่วยบำรุงร่างกายในเรื่องการมองเห็น การเจริญเติบโตของกระดูก และการสร้างเซลล์ และควบคุมอุณหภูมิคุ้มกันของร่างกาย ยังมีวิตามิน C ที่มีมากกว่าส้มถึง 5 เท่าในปริมาณที่เท่ากัน
วิตามิน C มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอและป้องกันการเสื่อมของเซลล์ ที่มักเกิดจากความเครียด การดื่มแอลกอฮอล์ ฝุ่น และควันบุหรี่ และแสงแดด เสริมสร้างและรักษาสภาพของเนื้อเยี่อคอลลาเจน ทำให้ผิวสมบูรณ์แข็งแรง ช่วยสมานแผลและยังดีต่อเนื้อเยื่อของกระดูกและฟัน ดูดซึมธาตุเหล็ก เสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัด และลดความเสี่ยงจากการเป็นมะเร็ง ทั้งยังมีใยอาหารที่ช่วยขับเคลื่อนอาหาร ลดอาการท้องผูก ริดสีดวงทวาร มะเร็งลำไส้ใหญ่ อีกทั้งมีแนวโน้มทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดต่ำ และยังช่วยป้องกันโรคหัวใจอีกด้วย
แต่คุณสมบัติที่โดดเด่นของฝรั่งสีชมพู คือ สารไลโคปีน ซึ่งมีมากรองจากมะเขือเทศ แต่มากกว่ามะละกอถึง 2 เท่า ว่ากันว่า ไลโคปีนประกอบด้วยการ Antioxidant ที่เรียกว่า แคโรทีนอยด์ ที่พบมากในผักและผลไม้ที่มีสีแดง ชมพู เช่น มะเขือเทศ ฝรั่งสีชมพู แตงโม มะละกอ มีสรรคุณต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะแสงแดดไลโคปีนยังช่วยกระตุ้นการเพิ่มขึ้นของเคราติโนไซต์ อันจะช่วยทำให้เซลล์ผิวชั้นนอกแข็งแรงขึ้น แต่ไลโคปีนก็ยังเก็บยากคล้ายวิตามิน C

ในยุคแรกๆ
ไลโคปีนอยู่ในรูปสารสกัดจะแปรปรวนและตกผลึกง่าย ไม่สามารถดูดซึมสู่ผิว แต่เทคโนโลยีใหม่สามารถคงสภาพไลโคปีนด้วยการย่อขนาดโมเลกุลให้อยู่ในรูปของนาโนแคปซูล ไลโคปีนตามธรรมชาติมีหน้าที่ในการจับรังสียูวี แล้วแปลงให้อยู่ในรูปของพลักงานให้กับคลอโรพลาสต์ (คลอโรฟิลล์ในเซลล์ของพืช) เพื่อปกป้องพืชจากไฟโต-ออกซิเดชั่น เมื่อมีประสิทธิภาพเช่นนี้แล้ว นักวิทยาศาสตร์จึงผันไลโคปีนเข้าสู่วงการเสริมความงาม ซึ่งไลโคปีนจะช่วยกระตุ้นระบบการฟื้นฟูผิว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น